“Slow Productivity” ทำน้อย… แต่ได้มาก: 3 เคล็ดลับพิชิตงานยุคใหม่ โดยไม่ต้อง Burn Out

คุณเบื่อไหมกับชีวิตการทำงานที่แสนวุ่นวาย แถมยังรู้สึกหมดไฟ (Burn out) ทั้งที่ใจจริงๆก็อยากพัฒนาตัวเอง. Slow Productivity คือทางออกในโลกยุคนี้ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

Reading Time: 0 min.

Productivity

คุณเบื่อไหมกับชีวิตการทำงานที่แสนวุ่นวาย ทำแทบตายแต่ไม่เคยทัน แถมยังรู้สึกหมดไฟ (Burn out) ทั้งที่ใจจริงๆก็อยากพัฒนาตัวเอง

ในหนังสือเล่มใหม่ “Slow Productivity” Cal Newport (ไอดอลของใครหลายๆคน 😉) ชวนให้เราทิ้งความเชื่อเดิมๆ แล้วหันมาใช้ชีวิตแบบ “ธรรมชาติ ไม่เร่งรีบ แต่ทุกอย่างสำเร็จได้” โดยเฉพาะ “Knowledge Workers” อย่างเราๆ ที่ต้องใช้ “ความคิด” ในการทำงาน

Cal Newport

Productivity คืออะไร?

Productivity คือ ผลิตภาพ (ผลผลิต+คุณภาพ) หรือเรียกง่ายๆว่า คุณภาพของผลผลิตนั่นเอง ซึ่งจะประกอบไปด้วยหลายๆส่วน อาทิ ผลลัพธ์ดี ใช้เวลาน้อยลง ต้นทุนต่ำ ใช้แรงงานน้อยลง เป็นต้น

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Productivity ในยุคปัจจุบัน

ในอดีต “ Productivity” มักถูกวัด “เชิงปริมาณ” และ “เวลา” เป็นส่วนใหญ่ เช่น จำนวนสินค้าที่ผลิตได้ หรือ ชั่วโมงการทำงานที่ใช้ไป เป็นต้น

แต่โลกยุคดิจิตอล การทำงานจะเป็นในรูปแบบครีเอทีฟ ความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นการวัด Productivity เชิงรูปธรรมนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป โดยเฉพาะงานที่ใช้ความรู้ ไม่สามารถวัด “Productivity” ด้วย ปริมาณ ได้

“Slow Productivity” จะช่วยให้เรา “ทำงานน้อย แต่ได้มาก” ได้อย่างไร?

1.Do Fewer Things:

เลือกทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริงๆ: เลิกเป็น “Yes Man” เลิก Multitasking แล้วหันมาโฟกัสกับงานที่สร้าง “คุณค่า” ต่อเป้าหมาย และ ชีวิตของเราอย่างแท้จริง

2.Work at Natural Pace:

ทำงานอย่างมีสมาธิ: หยุดคิดว่า การทำงานหนัก = ประสิทธิภาพสูงสุด (Busyness ≠ Business) แต่จง “โฟกัส” กับการทำงานทีละอย่าง ด้วย “ความเร็ว” ที่เหมาะสม (ไม่ใช่เร็วที่สุด!) เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม

3.Obsess over Quality:

ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” ของผลลัพธ์: อย่าปล่อยให้ “ความยุ่ง” มาบดบัง “คุณภาพ” ของงาน ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราทำผลงานออกมาได้ดีที่สุดแล้วหรือยัง”

ทำน้อยแต่ได้มาก

เมื่อเราเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตการทำงานจะเปลี่ยนไป

  • ทำงานได้อย่าง “มีความสุข” มากขึ้น ลดความเครียด และ ความวิตกกังวล ที่เป็นต้นเหตุของอาการ “Burn Out”
  • สร้าง “ผลงาน” ที่มีคุณภาพ อย่างแท้จริง และ สร้าง “คุณค่า” ที่ยั่งยืนมากกว่าเดิม
  • มี “เวลา” มากขึ้น สำหรับการพักผ่อน พัฒนาตัวเอง และ ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

“ชีวิต ไม่ใช่การวิ่งแข่ง แต่เป็นการวิ่งมาราธอน”

อย่าลืมว่า “ชีวิต ไม่ใช่การวิ่งแข่ง แต่เป็นการวิ่งมาราธอน” ลองนำหลักการ “Slow Productivity” ไปปรับใช้ดู แล้วคุณจะค้นพบวิธีทำงานอย่าง “ชาญฉลาด” และ “มีความสุข” อย่างแท้จริง 😊

หากต้องการเรียนรู้ไวกว่าคนอื่น มีทักษะด้าน hard skill ที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ คลิกเข้าไปอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

Related posts

virtual events

ยุคที่ Virtual Events ต้องมา แต่หาแพลตฟอร์มที่ดียังไม่เจอ

Reading Time: 1 min.

ยุคที่แพลตฟอร์มด้าน Virtual Event มันจำเป็นต้องใช้ และต้องทำได้ดีกว่า zoom แต่หลังจากที่ทดลองใช้งานมาหลายตัว ยังพบปัญหาอยู่เยอะพอสมควร

อ่านเพิ่มเติม