ก่อนหน้านี้ได้เขียนบทความเกี่ยวกับ การพัฒนา Soft skills ไว้แล้ว ดังนั้น ในบทความนี้จะโฟกัสเนื้อหาเกี่ยวกับ Hard skills ในส่วนที่จะถูก Disruption ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง AI (Artificial Intelligence)
Hard skills คือ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับวิชาวิชาชีพ หรือทักษะในงาน (Technical skills) ของแต่ละอาชีพนั้นๆ โดยตรง ซึ่งปัจจุบันนี้ AI ได้ถูกพัฒนามาไกลมาก และในอนาคตอาจจะแย่งงานมนุษย์ไปได้สูงถึง 85% (จากการศึกษาของ McKinsey & Company เมื่อปี 2016)
ปัจจุบันได้มีการนำเอาเทคโนโลยี AI Engineer หรือ Machine Learning มาใช้ในการทำงานมากขี้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้รวดเร็วขึ้น ต้นทุนถูกลง รองรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกยุคที่เป็น Big data ที่จำเป็นต้องใช้พวก Machine learning เข้ามาช่วยงานให้มาก โดยจะมีตำแหน่งงานใหม่ๆที่คอยไปควบคุม AI เหล่านั้นอีกที เช่น Data Science หรือ Data Scientist เป็นต้น
ทักษะที่เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ สามารถทำได้ดีนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการทำซ้ำๆ การจดจำ การวิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูล ได้อย่างรวดเร็ว และนี่คือตัวอย่างบางส่วน ที่ปัญญาประดิษฐ์นั้นทำได้ดีกว่าสิ่งที่มนุษย์
ล่าสุดที่หลายท่านได้รู้จักว่าเทคโนโลยีนั้นสามารถทำงานศิลปะได้สวยงามกว่ามนุษย์ นั่นก็คือ Midjourney ซึ่งสามารถเจนเนอเรทคำสั่งออกมาเป็นศิลปะ หรืองานกราฟฟิค ได้สวยงามมากๆ โดยค่าสมัครสมาชิกก็ถูกมากๆ โดยเริ่มต้นที่ 10$ ต่อเดือน เท่านั้น
หากลองนึกถึงการประชุมในองค์กร ที่มีประธานนั่งหัวโต๊ะ และมีเลขาผู้คอยจดบันทึกรายงานการประชุม ซึ่งผู้จดรายงานการประชุมอาจจะใช้เครื่องบันทึกเสียง และคอยถอดจากเสียงออกมาเป็นตัวหนังสือ เพื่อทำรายงานสรุปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ในการจัดส่งสรุปรายงานการประชุมให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง
แต่ล่าสุด Noota สร้าง AI (Artificial Intelligence) ถอดเสียงให้เป็นตัวหนังสือ แบบ Realtime ได้มากกว่า 70 ภาษา ซึ่งสามารถจัดส่งรายงานการประชุมได้ในทันที
ในงานออกแบบ หรืองานกราฟฟิค สามารถทำงานแทนนักออกแบบได้อย่างรวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล เช่น สามารถลบฉากหลังออกจากตัวแบบได้ในพริบตา สามารถออกแบบเซ็ตสีต่างๆให้เข้ากับ Theme ได้อย่างสวยงาม อย่างนี้เป็นต้น
AI สามารถเขียนบทความ เรียบเรียง สรุปบทความที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ให้สั้นกระชับ ได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งมีแอปประเภทนี้อยู่หลายตัว เช่น Jarvis, Frase, Nichess เป็นต้น
ยังมีทักษะอื่นๆอีกมากมายที่เทคโนโลยี หรือปัญญาประดิษฐ์ สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ เช่น การวิเคราะห์โรค และจ่ายยารักษาให้กับผู้ป่วย การลงบันทึกข้อมูลทางบัญชี ฯลฯ
สิ่งที่ AI (Artificial Intelligence) ไม่สามารถทดแทนทักษะที่มีของมนุษย์ได้นั้น จะเป็น soft skills ซึ่งได้แก่
การใช้ประสาทสัมผัส ความรู้สึก ที่มีต่อ รูป รส กลิ่น เสียง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตรรกะ หรือเหตุผลต่างๆ ซึ่งตรงนี้มนุษย์ หรือสัตว์ ทำได้ดีอยู่แล้ว และยังมีอีกหลายส่วนที่ระบบ AI ไม่สามารถทำทดแทนได้
การรับรู้และเข้าใจถึงสภาวะ อารมณ์ที่ลึกซื้ง หลากหลายของคน อาทิ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลงต่างๆ ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ หรือเทคโนโลยี ไม่สามารถเข้าอกเข้าใจในอารมณ์ ความรู้สึกของมนุษย์ได้
การมีสติระลึกรู้ การมีสติหักห้ามใจไม่ให้ไหลไปตามกิเลส การรู้ผิดชอบชั่วดี สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาทดแทนตรงนี้ได้
การคิดสร้างสรรค์ หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ นั้นจำเป็นต้องใช้สมองของมนุษย์ในการคิดสร้างสรรค์ ให้แตกต่างออกไปจากกรอบ หรือรูปแบบเดิมๆ สิ่งนี้ที่มนุษย์เราทำได้ดี และเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนได้ยาก
สิ่งที่องค์กรต่างๆจะต้องเตรียมรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ที่กำลังมาถึง เพื่อให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว บุคลากรของเราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยนกรอบความคิดใหม่เกี่ยวกับการทำงาน โดยองค์กรจะต้องปลูกฝังคุณลักษณะเฉพาะเหล่านี้ให้กับบุคลากร
หลายคนเชื่อว่า จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ก็สิ้นสุดการเรียน แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อทำงาน ต้องการความก้าวหน้า ยิ่งต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
สังคมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ดังนั้น ถ้าหยุดเรียนรู้เมื่อไหร่ จะตกยุคได้อย่างรวดเร็วมากกว่าสมัยก่อนมาก
ดังนั้น จึงต้องหมั่นเพิ่มทักษะใหม่ๆ ให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ ยิ่งเรียนรู้ให้ไว ยิ่งสร้างความได้เปรียบ
อีกหนึ่งทักษะที่จำเป็นในยุคนี้คือ การคิดเชิงวิเคราะห์ เนื่องจากยุคนี้ ข้อมูล ข่าวสาร มีมากมายหลายช่องทาง การมีความสามารถในการแยกแยะว่าสิ่งใดมีความเกี่ยวข้อง ไม่เกี่ยวข้อง แยกแยะให้ออกระหว่างเท็จกับจริง ระหว่างความจริงกับคำโกหก นี่คือทักษะที่ AI มิอาจทำได้ทัดเทียมกับมนุษย์
การจดจำสิ่งต่าง ๆ การทำงานเชิงตรรกะ หรือการค้นหาข้อมูล สิ่งเหล่านี้ต้องยกให้ว่าคอมพิวเตอร์เก่งกว่ามนุษย์เราเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเป็นการคิดนอกกรอบ การสร้างแนวคิดใหม่ๆ หรือการสร้างประสบการณ์ระหว่างบุคคล ตรงนี้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ เราถึงมีความได้เปรียบในการคิดเชิงสร้างสรรค์ เพราะเราต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัวและอารมณ์ของคนเรา ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ซึ่งเครื่องจักร หรือคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำได้
แม้ว่าในอนาคต AI จะถูกพัฒนาให้สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็ว และแม่นยำกว่าแพทย์ ในทุกวันนี้ แต่ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ก็ไม่สามารถพูดคุย ให้คำปรึกษา แสดงความเห็นอกเห็นใจได้
เพราะในบางครั้ง ผู้ป่วยต้องการกำลังใจ ต้องการคนรับฟังอย่างตั้งใจ ดังนั้น การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ จึงเป็นความได้เปรียบไปตลอดกาล เพียงแค่มนุษย์เรารักษาคุณค่าความเป็นมนุษย์ ที่รู้จัก เห็นใจ เมตตา กรุณา ต่อกัน
สติเป็นข้อได้เปรียบที่เรามีเหนือกว่าเครื่องจักร การตระหนักรู้ตนเองในปัจจุบันขณะ ไม่ปล่อยใจฟุ้งซ่าน จะทำให้เป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ น่าคบหา
สติเป็นรากฐานของการพัฒนาทักษะอื่นๆ อีกหลายอย่าง เพราะการมีสติสร้างความสุขให้กับต้นเอง และผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในโลกปัจจุบัน เมื่อ AI ไล่ล่า วิธีการรับมือที่ดีที่สุดคือการพัฒนา Soft skills ของตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีไม่สามารถเข้ามาทดแทนได้นั่นเอง
หากสนใจพัฒนาตนเอง กดคลิกเพื่อดูหลักสูตร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทางข้อความ Messenger