ถ้าอยากพัฒนาตนเองในเรื่อง Soft skill ผมว่า Manifest นี่แหละคือคำตอบ! ซึ่งจะช่วยทำให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น หากเราเข้าใจวิธีการอย่างถูกต้อง
เคยไหมที่เห็นคนอื่นสำเร็จ แล้วคิดว่า “ทำไมเราทำไม่ได้บ้าง?” หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “Manifest” แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง วันนี้เราจะมาเปิดสูตรลับ Manifest ความสำเร็จ 7 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เงิน หรือความรัก ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย!
Manifest คืออะไร? ทำไมช่วงนี้ฮิตจัง?
Manifest คือ การตั้งจิตอธิษฐานให้สิ่งที่ต้องการเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ แต่เป็นการใช้ “กฎแรงดึงดูด” ที่ว่าสิ่งที่เราคิดถึงบ่อย ๆ จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาในชีวิต ถ้าคิดบวกก็จะดึงดูดแต่สิ่งดีๆ เข้ามา ถ้าคิดลบก็จะดึงดูดแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามา เหมือนที่วัยรุ่น TikTok ชอบแชร์แรงบันดาลใจเปลี่ยนชีวิตนั่นแหละ
คำศัพท์ฮิต ๆ ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ก็มี เช่น “Manifest หนังสือ,” “Manifest คืออะไร,” “Manifest ความรัก,” หรือ “Manifest กฎแรงดึงดูด” เห็นไหมว่ามีคนสนใจเรื่องนี้เยอะจริง ๆ เพราะทุกคนอยากใช้พลังในตัวเองสร้างชีวิตที่ดีขึ้น!
7 ขั้นตอน การทำ Manifesting ให้ได้ผล
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งเป้าหมายให้ชัด เหมือนส่องกล้องจุลทรรศน์
Manifest จะได้ผล ต้องเริ่มจากเป้าหมายที่ชัดเจน เหมือนเราสั่งอาหาร ต้องบอกให้ชัดว่าเอาอะไร ไม่ใช่แค่บอกว่าอยากกินอะไรก็ได้ เป้าหมายต้องละเอียด เห็นภาพชัดเจน เช่น อยากได้บ้านแบบไหน สีอะไร มีกี่ห้อง จะได้จินตนาการได้ง่าย ๆ
ที่สำคัญคือต้องเชื่อว่าเป้าหมายนั้นเป็นไปได้จริง ๆ อย่าคิดว่า “ฝันลม ๆ แล้ง ๆ” เพราะความคิดนั้นจะดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาแทน การเขียนเป้าหมายออกมา ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำความตั้งใจของเราให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 2: Vision Board บอร์ดแห่งความฝัน
Vision Board คือบอร์ดที่เราแปะรูปภาพหรือคำที่สื่อถึงเป้าหมายของเรา เหมือนเป็นการเอาความฝันมาแปะไว้ให้เห็นทุกวัน เวลาที่เราเห็นภาพนั้น เราก็จะยิ่งมีแรงบันดาลใจมากขึ้น การเลือกคำพูดหรือรูปภาพที่เป็นบวก ก็จะช่วยดึงดูดพลังงานที่ดีเข้ามาด้วย
อย่ารีบร้อนทำ Vision Board ค่อยๆ เลือกรูปและคำที่ชอบจริง ๆ เพราะ Vision Board ไม่ใช่แค่กระดาษ แต่เป็นตัวแทนของความฝันที่เราจะทำให้เป็นจริง
ขั้นตอนที่ 3: บันทึกชีวิตประจำวัน เปิดสมุดให้หัวใจเล่าเรื่อง
การจดบันทึกประจำวัน ไม่ใช่แค่บันทึกว่าวันนี้ทำอะไร แต่เป็นการเขียนความรู้สึก ความคิด ความกังวล หรือเป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จ การเขียนจะช่วยให้เราเห็นภาพความก้าวหน้าของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น
ลองตั้งคำถามกับตัวเองในสมุดบันทึก เช่น “วันนี้เราทำอะไรสำเร็จบ้าง” หรือ “เราได้เรียนรู้อะไรจากวันนี้” การทำแบบนี้จะช่วยให้เราเห็นพัฒนาการของตัวเอง และมีกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป
ขั้นตอนที่ 4: ทลายกำแพงความคิด ปลดล็อคตัวเอง
“ถ้าอยากได้ในสิ่งที่ไม่เคยมี ต้องกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ”
ทอมัส เจฟเฟอร์สัน เคยกล่าวไว้ การทำลายกรอบความคิดเดิม ๆ คือการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต ลองไปเจอผู้คนใหม่ ๆ ฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อเปิดมุมมองและจุดประกายแรงบันดาลใจ
แต่ระวังอย่าบวกเกินเหตุ เพราะการหลอกตัวเองว่าทุกอย่างดีหมด ก็ไม่ช่วยให้เราพัฒนา การสร้างสมดุลระหว่างความคิดบวกและความเป็นจริงจึงสำคัญ
ขั้นตอนที่ 5: Affirmations คำพูดสร้างพลัง
Affirmations หรือการพูดคำยืนยันกับตัวเอง เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองด้วยคำพูดเชิงบวก เลือกคำพูดที่สื่อถึงสิ่งที่เราอยากเป็นหรืออยากมี เช่น “ฉันคู่ควรกับความสำเร็จ” หรือ “ฉันมีความสุขในทุกวัน”
การพูดคำยืนยันเหล่านี้บ่อยๆ จะช่วยเปลี่ยนความคิดลบให้เป็นบวก และดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตได้ง่ายขึ้น
ขั้นตอนที่ 6: Manifest เงินทองไหลมาเทมา
อยากรวยก็ต้อง Manifest การเงิน! เริ่มจากการเขียน Bullet Journal เพื่อดูว่าเรามีเงินเข้าออกเท่าไหร่ มีนิสัยการใช้เงินแบบไหน เมื่อเห็นภาพรวมแล้ว เราจะสามารถตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนได้ เช่น อยากมีเงินเก็บเท่าไหร่ อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่
การมี Financial Literacy ควบคู่ไปกับการ Manifest จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น เพราะการมีเงินไม่ได้มาจากการอธิษฐานอย่างเดียว แต่ต้องมีการวางแผนด้วย
ขั้นตอนที่ 7: ทำตามแผน แล้วตามดูความสำเร็จ
เมื่อมีเป้าหมาย มีแผนแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือทำ! อย่ารอให้โชคช่วย เพราะความสำเร็จต้องมาจากการกระทำ การติดตามความก้าวหน้าจะช่วยให้เราเห็นว่าเรามาไกลแค่ไหนแล้ว ถ้าทำได้ตามแผน ก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองด้วยคำพูดบวกๆ
การขอบคุณตัวเองเมื่อทำได้ตามเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มพลังใจในการทำ Manifest ต่อไป
น้องเพลินเพลินบอกเคล็ดลับ Manifest ฉบับคนจริง
น้องเพลินเพลินแนะนำว่า การ Manifest ต้องเริ่มจากการคิดบวก ต้องมีสมุดบันทึกประจำวัน และต้องอยู่ท่ามกลางคนที่มีความคิดเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมี 369 Manifestation Method ที่ให้เขียนสิ่งที่ต้องการออกมาซ้ำๆ เพื่อย้ำเตือนใจตัวเอง เช้า กลางวัน และก่อนนอน
และที่สำคัญคือ ต้องเข้าใจสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองก่อน ถึงจะ Manifest เงินทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปท้ายบท: Manifest ไม่ใช่แค่คิด แต่ต้องลงมือทำ
Manifest ไม่ใช่แค่การคิดบวก แต่เป็นการใช้พลังจิตและความเชื่อมั่นในตัวเองสร้างความสำเร็จในชีวิต มันเป็นแนวคิดที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่บอกว่า “ความคิดเปลี่ยนโลกได้” ถ้าอยากเปลี่ยนชีวิต ก็ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดของตัวเองก่อน
- เชื่อมั่นในพลังจิต: ถ้าเชื่อว่าจะทำได้ ก็มีโอกาสสำเร็จ
- ใช้ความคิดเชิงบวก: ดึงดูดแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต
- เรียนรู้จากอดีต: แนวคิดนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังคงได้ผลจนถึงปัจจุบัน
Manifest ในมุมมองของ Nicolas Tesla
Nicolas Tesla นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็มีแนวคิดที่คล้ายกับ Manifest เขาสนับสนุนพลังของการคิดบวก การมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเชื่อว่าทุกสิ่งในจักรวาลมีพลังงานที่สามารถส่งผลกระทบต่อกันได้
การที่ Tesla มองเห็นอนาคตที่เขาต้องการสร้าง ก็เป็นลักษณะสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการ Manifest เพราะการสร้างภาพในอนาคตที่เราต้องการจะช่วยให้เรามีเป้าหมายและความมุ่งมั่นในการลงมือทำ
บทส่งท้าย
Manifest ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่แค่เรื่องของคนใน TikTok แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าอยากมีชีวิตที่อยากได้ ก็ต้องเริ่มจากการ Manifest ด้วย 7 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เราได้บอกไป รับรองว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน!