การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 อย่าไปเสียเวลาเรียนเพื่อรู้ แต่ให้เรียนทักษะที่ทำเงินได้เลย

การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 (Future skill) นั้นอย่าไปเสียเวลาเรียนรู้อะไรที่ไม่ใช่ทักษะทำเงิน ให้มุ่งพัฒนา evergreen skill โดยให้ขายสินค้า Digital products ด้วยการทำธุรกิจแบบคนๆเดียว (Solopreneur)

Reading Time: 1 min.

การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21

การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ตรงกันข้ามกับการเรียนรู้ในอดีต ซึ่งไม่ได้เปิดกว้างเหมือนดังเช่นในโลกปัจจุบัน เป็นการเรียนเพื่อสอบตามลำดับๆชั้น เมื่อเรียนจบถึงจะเอาความรู้นั้นไปทำงานเพื่อแลกกับค่าตอบแทนรายวัน รายเดือน ก็ว่ากันไป

ซึ่งเราเสียเวลาไปกับการเรียนในระบบร่วม 16 ปี แถมความรู้ที่เรียนก็เป็นการเรียนเพื่อสอบเท่านั้น เอามาใช้ในชีวิตจริงหรือการทำงานก็แทบจะไม่ได้เลย เรียกว่า ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปก็ว่าได้

การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ไม่มีความจำเป็นต้องทำเหมือนเช่นในอดีต

พอโลกเรามี Internet ระบบการเรียนรู้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้ไปทีละสเต็ปๆ เหมือนดังในอดีต

  • ข้อมูลใน Internet มีมากกว่าในห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยเสียอีก
  • Youtube มีผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา มากยิ่งกว่าครู อาจารย์ในมหาวิทยาลัยอีก
  • เราเลือกเรียนเฉพาะวิชา หรือเฉพาะผู้สอนที่เราสนใจ ที่เราชื่นชอบได้จากทั่วทุกมุมโลก
  • ยุคนี้ AI ช่วยเรื่องข้อมูลได้เยอะ คิดอะไรไม่ออกก็บอก ChatGPT
  • นอกจากนี้เรายังเสียเวลาเรียนรู้เล็กน้อย และค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าในระบบอีกด้วย
การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21

เรียนรู้ทักษะอนาคต (Future skill) สำคัญและทำเงินกว่า

อย่างที่เคยแนะนำ 7 Future skill ทักษะอนาคตที่เรียนแล้วนำไปใช้ได้ตลอดกาล (Evergreen skill) เพราะเป็นทักษะที่สอดรับกับโลกยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) ที่กำลังเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 นี้เป็นต้นไป

แน่นอนความรู้ ข้อมูลต่างๆเยอะแยะมากมายในยุคสมัยนี้ ตามอ่าน ตามสรุป แทบไม่ทันกันเลยก็ว่าได้ แต่ผมเองก็มีวิธีการแคปเจอร์ความรู้ต่างๆผ่าน Application และเทคนิคมาแบ่งปัน ไว้รออ่านในบทความต่อไป

แต่ก่อนที่จะเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรบนโลกออนไลน์นั้น ผมเองอยากจะแนะนำเพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจ ว่าอะไรก็ตามถ้ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ภายใน 3 เดือน อย่ารีบร้อนไปเรียน เพราะความรู้สมัยนี้มีอายุสั้นพอๆกับนม UHT เลยทีเดียว

ความรู้ที่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ภายใน 3 เดือน อย่าไปเสียเวลาเรียน เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว ความรู้ล้าสมัยได้ง่ายๆ

แม้ว่าความเป็นจริง สิ่งจำเป็นที่ทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่ว่าจะเป็น น้ำ อากาศ อาหาร เสื้อผ้า หรือยารักษาโรค เหล่านี้ ราคาไม่ได้แพงเท่ากับสินค้าดิจิตอล (Digital Products) ตรงจุดนี้แหละ เป็นโอกาสอย่างมากที่พวกเราควรมาขายสินค้าดิจิตอล เพราะขายได้ราคาแพง ต้นทุนแทบจะเป็น 0 บาท และไม่ต้องยุ่งยาก ไม่ต้องวุ่นวายในการบริหารสต็อก และไม่ต้องเสียค่าจัดส่งสินค้าอีกต่างหาก อะไรจะดีงามเช่นนี้

ผมมีเพื่อนชาวต่างชาติหลายคน มีตั้งแต่อายุ 19 ปี ไปจน 30 ปลายๆ ล้วนแต่สร้างรายได้มาหาศาล จาก Digital Product บนแพลตฟอร์มต่างๆ และการทำธุรกิจของเขานั้น เป็นแบบ one person business ทั้งนั้น หมายถึงทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียว ทุกอย่างเบ็ดเสร็จ ถึงบอกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทย เพราะมันยังแค่เริ่มต้น…


ทักษะอะไรบ้างที่ต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน

ถ้าถามผมว่าทักษะอะไรล่ะที่ควรพัฒนาเร่งด่วน ตอบได้เลยว่ามี 2 ทักษะนี้ ที่ต้องพัฒนาให้ไว เรียกได้ว่า “ไวกว่า รวยก่อน”

1.ทักษะการเขียน

การเขียนเนื้อหา บทความ ทั้งแบบสั้น และแบบยาว (Short form & long form) และเขียนคำโฆษณา (Copywriting)

2.ทักษะการขาย

ทักษะการขาย ตรงนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถ้าขายไม่ได้ หรือปิดการขายไม่เป็น นั่นก็แปลว่าคุณไม่สามารถสร้างรายได้ๆ เท่ากับเหนื่อยฟรี

มาถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะสงสัย อ้าวถ้ามี 2 ทักษะแค่นี้แล้ว เราจะหาสินค้าที่ไหนมาขาย ขายให้ใคร และขายยังไงรึ?

ใจเย็นๆ และอ่านหัวข้อต่อไป จะได้กระจ่างกันไปเลย

one person business

ขายอะไร ขายใคร ใครขาย Solopreneur นี่ไง เบ็ดเสร็จเลย

บอกได้เลย “ตัวคุณ” ไง มีครบทุกอย่างเลย ทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อเป็น Personal Brand กันทุกคน ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัด อยู่ที่ว่าจะพัฒนา และ Monetize มันกลับไปเป็นรายได้อย่างไร เท่านั้นเอง

ตัวคุณ คือ BRAND

ความคิด ไอเดียของคุณ = CONTENTS

แนวทาง วิธีการแก้ปัญหาให้ผู้คน ในแบบฉบับของคุณ = PRODUCTS

ส่วนสิ่งที่คุณบอกเล่า ป้ายยาให้ผู้อื่นรับรู้ มันคือการตลาดดีๆนี่เอง = MARKETING

ทีนี้เห็นหรือยังว่า การทำธุรกิจด้วยคนๆเดียว ที่เขาเรียกว่า Solopreneur หรือ one person business นั้น คุณ! คนเดียว ครบถ้วน เบ็ดเสร็จเลยครับ ตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ ลองมาไล่เลียงดูคร่าวๆซิ ว่ามีกี่วิชาชีพในร่างของเราคนเดียว

  1. Editorial & Content Editor เขียนบทความ ผลิตเนื้อหา => คุณ
  2. Copywriter เขียนคำโฆษณา => ก็คุณ
  3. Sales เสนอขายสินค้าและก็ปิดการขาย => ก็ตัวคุณอีก
  4. Marketing สื่อสารในฐานะแบรนด์ เพื่อให้คนอื่นอยากซื้อ อยากได้ => ก็คุณอีกแหละ
  5. Logistics คอยบริหารจัดการ ส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า => ก็คุณอีกนั่นแหละ

ดังนั้น โลกยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) ไม่จำเป็นต้องจ้างคนให้มาก มีเพียงคุณกับระบบ Automation เท่านั้น ก็สามารถสร้างรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 6 หลัก ได้แล้ว

อันนี้ขอยืนยัน นั่งยัน เพราะผมธุรกิจออนไลน์แบบนี้ควบคู่กับทำงานประจำ มาร่วม 15 ปีแล้ว เรียกว่า “ทำน้อยได้มาก” ซึ่งผมก็ได้โค้ชให้กับองค์กรใหญ่ๆ (Consult) โค้ชส่วนตัวให้กับระดับบุคคล (Personal coach) มามากมายหลายเคสแล้ว ซึ่งมันได้ผลดีจริง เดี๋ยววันหลังมาลงรายละเอียดหลักสูตรไว้ให้ เป็นหลักสูตรชื่อว่า “Slight Edge ทำน้อยให้ได้มาก วิถีคนขี้เกียจ ที่ชาญฉลาด”

ตัวคุณคนเดียว + Automation = Business

สรุป

การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้มีรายได้ต่อเนื่อง ในโลกยุคเศรษฐกิจดิจิตอลนั้น เราจึงต้องพัฒนาตัวเองไปในทิศทางต่อไปนี้

  • เลิกเรียนเพียงเพื่อรู้ เรียนให้น้อย แต่ลงมือทำให้มาก
  • อย่าไปเสียเวลาเรียน ถ้าเรื่องนั้นยังไม่ได้ใช้ภายใน 3 เดือน
  • ถ้าต้องเรียน ให้เรียนทักษะอนาคต (Future skill) เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิตอล
  • ทักษะที่ต้องพัฒนาเร่งด่วน คือ ทักษะการเขียน และทักษะการขาย
  • ทุกคนเป็น Personal Brand ที่มีลักษะเฉพาะ (Unique) อยู่แล้ว ต้องค้นหาให้เจอ
  • ถ้าขายไม่ได้ แสดงว่าคุณมีแค่ความรู้ แต่ยังขาดทักษะ ดังนั้นต้องพัฒนาทักษะจนสามารถสร้างรายได้ๆ

ติดตามบทความ สาระ ความรู้ ผ่านช่องทาง Facebook

Related posts

มนุษย์เงินเดือน

วิธีพาตัวเองออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ง่ายๆ 5 ขั้นตอน

Reading Time: 1 min.

มนุษย์เงินเดือน อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีทักษะอนาคต (future skill) เพราะโลกเศรษฐกิจดิจิตอล นั้น สามารถสร้างรายได้ง่ายๆ ขอแค่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต

อ่านเพิ่มเติม

อยากมีไอเดียแต่คิดไม่ออก ให้บอก AI

Reading Time: 1 min.

เครื่องมือฝรั่งโคตรเจ๋งชื่อว่า Nichess ที่ให้ AI ช่วยเจนเนอเรทไอเดียออกมาให้เราเพียงแค่เราป้อนข้อมูลสั้นๆเข้าไป

อ่านเพิ่มเติม